วันนี้จะมาแนะนำเว็บนี้ครับ เป็นเว็บง่ายๆ แต่ดีมากสำหรับ Developer เลย โดยเฉพาะกลุ่มสาย Vagrant ควรใช้มาก
โจทย์คือ ถ้าคุณใช้ Vagrant หรือ VM หรือเครื่อง staging ที่อยู่ใน nat lan แล้วคุณอยากเทสเว็บของคุณบนอุปกรณ์หรือเครื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่เครื่องคุณ แน่นอนว่าทุกคนต้องมาแก้ host file ตามระบุ ip ให้ถูก แต่ถ้าเป็นมือถือล่ะ ให้แก้ host ไฟล์ก็คงเป็นเรื่องตลกเลย บางคนบอกงั้นระบุลง dns server ไปเลย แต่ถามโปรเจ็คมันทำไม่นาน จะเขียนลงไปดีจริงเหรอ
บทความนี้ตอนแรกจะชื่อว่า “Fat-Free Framework ในมุมมองคนใช้ Laravel มืออาชีพ” แต่ตอนนี้พอผมเขียนเสร็จกลายเป็นบทความ “เปรียบเทียบ Performance PHP Framework ด้วย XHProf” ดังนั้น โปรดทำใจก่อนอ่านครับ
—————————————
ก่อนอื่นขอออกตัวเองแบบล้อฟรีเลยว่าเป็นสาวก Laravel ใช้มาตั้งแต่เวอร์ชั่น 3 (กับระบบ bundle ที่ปวดตับ) จนมาถึงตอนนี้กับ 5.2 เอาเป็นว่าคือรู้ไส้รู้พุงมันดีล่ะ
พอดีช่วงนี้เริ่มจะทำเว็บใหม่ เลยมองหาอะไรที่มันเบาๆ เบาจริงๆ เพราะส่วน server ไม่หนัก ที่ต้องเขียนเยอะดันเป็น js ซะอย่างงั้น ว่าแล้วผมจะพาตัวเองออกทะเลซะอย่างงั้น
กลับเข้าเรื่องคือผมจะมาอธิบายถึงมุมมองของคนใช้ Laravel ที่มีต่อ F3 หรือ Fat-Free Framework กันเลย
FRP (Functional reactive programming) อันนี้ดูเป็นศัพท์ใหม่สำหรับ Developer บางคน แต่ถ้าใครที่เขียน React แล้วเขียนตามแนว Reflux หรือ Redux อันนั้นแหละครับที่ผมอยากบอกว่ามันคือ FRP Style นั้นแหละ
แนวคิดของ FRP เป็นแนวคิดการเขียนโปรแกรมซึ่งทำตามโดนยึดแนวคิดของการพัฒนาอิงถึงข้อมูลดิบภายในโปรแกรม บ้างก็เรียกว่า Dataflow programming หรือบ้างก็เรียก Event-driven programming บ้างก็เรียกว่า Data-driven programming มันดูแล้วมีหลายชื่อนะครับ แต่จริงๆ ใจความมันดูไม่่ต่างกันเลย