ใบเหลืองสุดท้ายของชีวิตนักกีฬา

วันนี้ผมได้เจอคลิป Youtube หนึ่งผ่าน Facebook ที่เพื่อนๆ แชร์กันมา คลิปนี้เป็นคลิปที่ควรดูเพื่อให้ตระหนักถึงคำว่าชีวิต เราลองไปดูกันก่อน

[media url=”http://www.youtube.com/watch?v=cHCOdYWBbYA” width=”640″ height=”480″]

ชีวิตคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ คนที่แข่งกีฬา ร่างกายแข็งแรงอย่างนักฟุตบอล Miklos Feher หัวใจวายคาสนามหลังได้รับใบเหลืองจากกรรมการ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดกรรมการหรอก แต่กรรมการก็อึ้งมาก คลิปนี้มันแสดงว่าคนเราได้ยืนอยู่บนเส้นบางๆ ที่เขียนเป็นคำว่าชีวิต ซึ่งถูกเขียนไว้บางจนเราไม่เคยสังเกตด้วยซ้ำ เราอาจจะไม่สังเกตเลยจนกระทั่งไม่มีโอกาสได้สังเกตอีก

ใครที่ยังมีโอกาสก็ลองดื่มด่ำกับความรู้สึกของการมีชีวิตให้มากๆ ครับ ชีวิตคนเรามันมีอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่สามารถตีเป็นมูลค่าใดๆ ได้

Miku Day!

วันนี้ไปเจอวิดีโอมา ผมคิดว่าหลายคนน่าจะรู้จักมิกุกันมาบ้างแล้ว วันนี้ขอเลือกมา 2 คลิปที่คิดว่าน่าสนใจมาก ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับเลยว่าคนทำคลิปนั้นเก่งมาก  แต่จริงๆ คลิปพวกนี้คนไทยก็สามารถทำได้ และใช้เวลาน้อยกว่าแต่ก่อนด้วย ขั้นตอนการทำ Animation ปัจจุบันมันลดทั้งต้นทุนและเวลา ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป เอาเฉพาะกลุ่มคนทำคลิปเหล่านี้ด้วยโปรแกรม MMD เขาก็มีการใช้กล่อง Kinect (ตัวเดียวกันกับที่ติดเครื่องเกม Xbox นั้นแหละ) ทำให้การทำ Motion Capture มันง่ายขึ้น แม้จะไม่ละเอียดเท่าระดับโปรทำกัน (ระดับโปรทำคือชุดรัดรูปติดปิงปองส่องแสง 555+) แต่มันพอให้ขึ้นพื้นฐานการเคลื่อนไหวได้เยอะเลย ว่าแล้วลองดู 2 คลิปอันนี้ครับ ผมจัดว่าเป็นระดับต้นๆ ได้เลย ทำดีชนิดบาง MV ในไทยที่ใช้คนแสดงจริงๆ ยังน่าดูน้อยกว่าอีก

ผมไม่ใช่พวกคลั่งญี่ปุ่นนะครับ คนไทยก็ทำได้ เพียงแต่ที่ไม่ทำกันเพราะนักการตลาดมันจะปรามว่ามันทำกำไรไม่ได้ ผมก็จบการตลาดมาก็ยอมรับว่าคิดเหมือนกัน พอทุกอย่างจบที่เงินมันเลยไม่มีอะไรใหม่ๆ ครับ แต่อยากบอกว่าญี่ปุ่นทำงานเข้มกว่าไทยเยอะ ทำเป็นทำ เล่นเป็นเล่น

[media url=”http://www.youtube.com/watch?v=1lzYadA9K-U&feature=related” width=”853″ height=”480″] [media url=”http://www.youtube.com/watch?v=HIQAapyP2gg&feature=related” width=”853″ height=”480″]

อีคาวโนมิคส์

“อีคาวโนมิคส์”

โดย เกษียร เตชะพีระ
จากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน 16กุมภาพพันธ์ 2550
จู่ๆ จะด้วยความเครียดหรืออย่างไรไม่ทราบ ครูพักลักจำทางเศรษฐศาสตร์ของผมท่านหนึ่งซึ่งกำลังถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติได้ส่ง “เศรษฐศาสตร์ประสาวัว” (ECOWNOMICS?) ว่าด้วยโมเดลของระบบเศรษฐกิจต่างๆ มาให้ พร้อมคำเกริ่นนำว่าอ่านแล้วยิ้มไม่หุบเอาเลยทีเดียวผมลองอ่านดูก็อดยิ้มไม่ได้เช่นกัน จึงขออนุญาตขโมย “เศรษฐศาสตร์ประสาวัว” มาแปลต่อสู่ท่านผู้อ่านเพื่อเชิญยิ้มกันทั่วหน้าดังนี้

(อนึ่ง กำลังจะส่งต้นฉบับผมก็พบว่า “วีรกร ตรีเศศ” เจ้าของคอลัมน์ “อาหารสมอง” ในมติชนสุดสัปดาห์ก็หยิบเอา “เศรษฐศาสตร์ประสาวัว” เรื่องเดียวกันนี้ไปถ่ายทอดลงในฉบับล่าสุดโดยบังเอิญ

(“เข้าใจระบบเศรษฐกิจจากวัว,” มติชนสุดสัปดาห์, 27:1382 (9-15 ก.พ.2550), 20-21) ก่อนที่ท่านจำเป็นต้องหยุดคอลัมน์เพราะถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติอีกคนเช่นกันนาน 9 เดือน เนื่องจากผมจวนตัว เปลี่ยนเรื่องเขียนไม่ทันและดูแล้วสำนวนแปลก็ผิดแผกแตกต่างจากท่านอยู่บ้าง จึงตัดสินใจส่งต้นฉบับเรื่องนี้ตามเดิม ต้องขออภัย “วีรกร ตรีเศศ” และท่านผู้อ่านไว้ ณ ที่นี้)

โมเดลเศรษฐกิจต่างๆ อธิบายประสาวัว

สังคมนิยม : คุณมีวัว 2 ตัวแล้วยกให้เพื่อนบ้านไปตัวหนึ่ง

ลัทธิคอมมิวนิสต์ : คุณมีวัว 2 ตัว รัฐริบไปทั้งคู่แล้วให้นมวัวคุณนิดหน่อย

ลัทธิฟาสซิสต์ : คุณมีวัว 2 ตัว รัฐริบไปทั้งคู่แล้วขายนมวัวให้คุณนิดหน่อย

ลัทธินาซี : คุณมีวัว 2 ตัว รัฐริบไปทั้งคู่แล้วยิงคุณทิ้ง

รัฐราชการ : คุณมีวัว 2 ตัว รัฐริบไปทั้งคู่ ยิงตัวหนึ่งทิ้ง รีดนมอีกตัวหนึ่ง แล้วเทนมทิ้ง…

ทุนนิยมแบบเดิม : คุณมีวัว 2 ตัว คุณขายตัวหนึ่งแล้วเอาเงินไปซื้อกระทิงพ่อพันธุ์ ฝูงวัวของคุณเพิ่มทวีขึ้นและเศรษฐกิจก็เติบโตคุณขายฝูงวัวทิ้งแล้วเลิกทำมาหากิน อาศัยเงินที่ขายวัวได้นั่งกินนอนกินสบายใจเฉิบ

ลัทธิเหนือจริง : คุณมียีราฟ 2 ตัว รัฐบาลกำหนดให้คุณไปเรียนหัดเป่าหีบเพลงปาก (?)

บรรษัทอเมริกัน : คุณมีวัว 2 ตัว คุณขายตัวหนึ่งแล้วบังคับเคี่ยวเข็ญอีกตัวให้มันผลิตนมเท่ากับวัว 4 ตัวต่อมาไม่นาน คุณก็จ้างที่ปรึกษาให้ช่วยวิเคราะห์ว่าทำไมเจ้าวัวตัวนั้นถึงได้หมดแรงตาย

กิจการร่วมลงทุนแบบทักษิโณมิคส์ : คุณมีวัว 2 ตัว คุณขายวัว 3 ตัว ให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของคุณ โดยใช้ตราสารเครดิต (แอล/ซี) ซึ่งเปิดโดยน้องเขยของคุณที่ธนาคาร จากนั้นคุณก็ดำเนินการสลับสับเปลี่ยน (สวอป) หนี้กับหุ้นของบริษัทพร้อมทั้งทำคำเสนอขายหุ้นทั่วไปจนกระทั่งคุณได้วัวทั้ง 4 ตัวคืนมาแถมได้ยกเว้นภาษีสำหรับวัว 5 ตัวด้วย

สิทธิเหนือนมของวัวทั้ง 6 ตัวถูกยักย้ายถ่ายโอนผ่านคนกลางไปให้บริษัทจดทะเบียนบนเกาะเคย์แมนซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทของคุณแอบเป็นเจ้าของโดยลับๆ จากนั้นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ขายสิทธิเหนือนมของวัว 7 ตัวกลับมาให้บริษัทจดทะเบียนของคุณ

รายงานกิจการประจำปีของบริษัทระบุว่าบริษัทมีวัว 8 ตัวบวกตราสารสิทธิเลือกซื้อได้อีก 1 ตัว คุณขายวัวไปตัวหนึ่ง จึงเหลืออยู่อีก 9 ตัว รายงานประจำปีของบริษัทที่เผยแพร่ออกมาไม่ได้แสดงบัญชีงบดุลของบริษัทไว้ ประชามหาชนพากันแห่ไปซื้อ (ขี้) วัว (bullshit) ของคุณ

โมเดลของบริษัทอาเธอร์ แอนเดอร์เซ่น ผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทเอ็นรอน : คุณมีวัว 2 ตัวคุณบดมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนเอกสารหลักฐานบัญชี

บรรษัทฝรั่งเศส : คุณมีวัว 2 ตัว คุณนัดหยุดงานก่อจลาจล ปิดถนน เพราะคุณจะเอาวัว 3 ตัว

บรรษัทญี่ปุ่น : คุณมีวัว 2 ตัว คุณออกแบบมันใหม่ให้ขนาดเล็กลงเหลือ 1 ใน 10 ทว่าผลิตนมได้เป็น 20 เท่าของวัวปกติ จากนั้นคุณก็สร้างสรรค์ตัวการ์ตูนวัวเจ้าปัญญาชื่อ “คาวคิมอน” ขึ้นมาแล้วส่งขายตีตลาดทั่วโลก

บรรษัทเยอรมัน : คุณมีวัว 2 ตัว คุณวิศว (พันธุ) กรรมกันใหม่จนมันอายุยืนถึง 100 ปี กินอาหารเดือนละครั้งและรีดนมตัวเองได้

บรรษัทอิตาเลียน : คุณมีวัว 2 ตัวแต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน คุณตัดสินใจไปกินมื้อเที่ยงก่อน

บรรษัทรัสเซีย : คุณมีวัว 2 ตัว คุณนับมันดูแล้วพบว่าคุณมีวัว 5 ตัว คุณนับมันใหม่แล้วพบว่าคุณมีวัว 42 ตัว คุณนับมันอีกรอบแล้วพบว่าคุณมีวัว 2 ตัว คุณเลิกนับวัวแล้วหันไปเปิดเหล้าวอดก้าดื่มอีกขวด

บรรษัทสวิส : คุณมีวัว 5,000 ตัว ไม่มีตัวไหนเป็นของคุณเลย คุณเรียกเก็บค่าฝากวัวจากเจ้าของมัน

บรรษัทจีน : คุณมีวัว 2 ตัวคุณมีคน 300 คนคอยรีดนมมัน คุณอ้างว่าในประเทศของคุณทุกคนมีงานทำและผลิตภาพของโคกระบือสูง แล้วคุณก็ไล่ขับนักข่าวที่รายงานสภาพความเป็นจริง

บรรษัทอินเดีย : คุณมีวัว 2 ตัว คุณกราบไหว้บูชามัน

บรรษัทอังกฤษ : คุณมีวัว 2 ตัว มันบ้าทั้งคู่

บรรษัทอิรัก : ใครๆ ก็คิดว่าคุณมีวัวเยอะ คุณบอกพวกเขาว่าคุณไม่มีวัวเลย แต่ไม่มีใครเชื่อคุณ ดังนั้น พวกเขาก็ขนระเบิดมาถล่มจนคุณขี้แตกขี้แตนและบุกตะลุยประเทศของคุณ ถึงกระนั้นคุณก็ยังไม่มีวัวอยู่ดีแต่อย่างน้อยตอนนี้คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกประชาธิปไตยแล้ว

บรรษัทสัญชาติเวลส์ : คุณมีวัว 2 ตัว เจ้าตัวทางซ้ายดูน่าพิสมัยมาก

บรรษัทออสเตรเลีย : คุณมีวัว 2 ตัว กิจการดูจะไปได้สวย คุณก็เลยปิดร้าน ไปดื่มเบียร์ฉลองสักหน่อย

Source: http://www.oknation.net/blog/mataharee/2007/02/16/entry-1